วันนี้ (24 พ.ย.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์นายสมัคร สุนทรเวช อายุ74ปีอดีตนายกรัฐมนตรี ได้เสียชีวิตลงเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาด้วยโรคมะเร็งตับ โดยญาติจะนำศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดเบญจมบพิตร ทั้งนี้ นายสมัคร เคยเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ในช่วงเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา รวมถึงเคยเดินทางไปรับการรักษาที่ประเทศสหรัฐ โดยคนใกล้ชิดของนายสมัคร เปิดเผยว่า นายสมัครมีอาการปวดท้องรุนแรง จึงถูกนำตัวเข้าโรงพยาบาลซึ่งแพทย์ให้การตรวจรักษา พบว่านายสมัครมีอาการอาหารเป็นพิษอย่างรุนแรง ซึ่งแพทย์ได้ทำการรักษาและนอนพักที่โรงพยาบาลสักระยะหนึ่ง ก่อนที่จะให้กลับบ้าน
ประวัติ สมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี คนที่ 25 ของไทย
การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 อาจเป็นฝันที่คาดไม่ถึงของ "สมัคร สุนทรเวช" แต่ความฝันดังกล่าวเต็มไปด้วยวิบากกรรมที่ตามไล่ล่าจนอาจส่งผลให้เก้าอี้ประมุขฝ่ายบริหารสั่นคลอนอย่างรุนแรง ติดตามชีวิตที่มีทุกรสชาติได้โดยพลัน
...และแล้วก็เป็นไปตามคาดหมาย นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน(พปช.)ได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรด้วยเสียง 310 เสียงเลือกให้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 25
ท่ามกลางเสียงครหาว่า นายสมัครเป็นนายกรัฐมนตรี "นอมินี" ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย
สำหรับ นายสมัคร ถือเป็นนักการเมือง และนักพูดที่มีชื่อเสียง จัดได้ว่าเป็น "ดาวสภา" คนหนึ่งเลยทีเดียว ด้วยท่วงท่าลีลาสำนวนโวหารในการอภิปรายที่ถึงพริกถึงขิง ออกรสออกชาติ เรียกได้ว่าหากนายสมัครลุกขึ้นอภิปรายรัฐบาลเมื่อไร ชาวบ้านร้านตลาดแทบทุกคนจะต้องหยุดฟัง
กล่าวกันว่า ความสามารถในการพูดของนายสมัครนั้น ถ้าบอกว่า กาเป็นสีขาว คนก็พร้อมจะเชื่อ ...
ประวัติชีวิตอดีตดาวสภาคนนี้ เกิดเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2478 ที่กรุงเทพมหานคร บ้านหน้าวังบางขุนพรหม ถนนสามเสน
บิดาคือ เสวกเอกพระยาบำรุงราชบริพาร (เสมียน สุนทรเวช) มารดาคือ คุณหญิง บำรุงราชบริพาร เป็นหลานลุงของ มหาเสวกตรี พระยาแพทย์พงศาวิสุทธาธิบดี (สุ่น สุนทรเวช) นายแพทย์ประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นหลานตาของมหาเสวกตรี พระยาอนุศาสน์จิตรกร (จันทร์ จิตรกร) จิตรกรประจำสำนัก
ประวัติการศึกษา ก่อนประถม โรงเรียนสตรีบางขุนพรหม ชั้นประถม โรงเรียนเทเวศน์ศึกษา ชั้นมัธยม โรงเรียนเซนต์คาเบรียล อาชีวะ โรงเรียนอัสสัมชัญพาณิชย์ ขั้นอุดมศึกษา คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นอกจากนี้ ยังศึกษาเพิ่มเติม คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,BRYANMT & STRATION INSTITUTE ชิคาโก สหรัฐอเมริกา
ประกาศนียบัตรและปริญญาบัตร - ประกาศนียบัตร A.C.C. (โรงเรียนอัสสัมชัญพาณิชย์) นิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประกาศนียบัตรวิชามัคคุเทศก์ (คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) Dip. in Accounting and Business Administration
หลังจบนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ แล้วก็หันไปเขียนบทความและความคิดเห็นทางการเมือง ในหนังสือพิมพ์สยามรัฐ, สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ และชาวกรุง ตั้งแต่ พ.ศ. 2500 และเขียนไปถึง พ.ศ. 2516 จากนั้น จึงเข้าสู่แวดวงการเมืองเต็มตัว เมื่อปี 2511
โดยสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และลงสมัครเลือกตั้งในระดับต่างๆ ไล่มาจนถึงระดับท้องถิ่น
สำหรับตำแหน่งใหญ่ๆ นั้น เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีมาแล้วหลายกระทรวง อาทิ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รวมทั้งตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี
และล่าสุดกับตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งได้รับคะแนนเสียงอย่างท่วมท้น คือ 1,016,096 คะแนน ซึ่งเป็นคะแนนเสียงมากที่สุดนับตั้งแต่มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
หลังจากหมดวาระการดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. นายสมัคร ยังหันมาเอาดีด้านสื่อโทรทัศน์ ด้วยการเป็นผู้ดำเนินรายการอาหารชื่อดัง "ชิมไปบ่นไป"
แต่ที่ฮือฮาที่สุดคือการรายการ "สมัคร-ดุสิต คิดตามวัน" ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 ซึ่งจัดร่วมกับนายดุสิต ศิริวรรณ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีใน "รัฐบาลหอย" ธานินทร์ กรัยวิเชียร (ขณะที่นายสมัครเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยซึ่งใช้อำนาจตามประกาศคณะปฏิรูกการปกครองแผ่นดินซึ่งเป็นกฎหมายที่ออกโดยคณะรัฐประหารสั่งปิดหนังสือพิมพ์ถึง 22 ฉบับ จนนายสมัครกลายเป็นไม้เบื่อไม้เมากับผู้คนในวงการหนังสือพิมพ์จำนวนมาก)
ในการจัดรายการดังกล่าวทั้งคู่ กล่าวโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กระทั่งเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากและสุดท้ายรายการก็จำเป็นต้องปิดตัวลง
แต่ไม่นานพิษจากรายการดังกล่าวยังตามมาเล่นงาน โดยผู้ดำเนินรายการทั้งสองต้องตกเป็นจำเลยในคดีหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จากกรณีพูดพาดพิงนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. และศาลมีคำพิพากษาสั่งจำคุกเป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา
เส้นทางการเมืองยังคงหอมหวนเสมอสำหรับนายสมัคร โดยตัดสินใจลงเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา กทม. ในปี 2549 ซึ่งก็ได้รับเลือกตามคาดหมาย
แต่ยังไม่ทันที่จะได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจาก กกต. เนื่องจากมีคำร้องคัดค้าน และไม่นาน กกต.ชุดดังกล่าวก็ถูกศาลตัดสินให้พ้นสภาพ กระทั่งเกิดการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 เสียก่อน
หลังจากนั้นก็หายหน้าไปจากแวดวงการเมืองพักใหญ่จนเชื่อว่า นายสมัครจะปิดฉากชีวิตทางการเมือง
แต่แล้วเหมือนฟ้าลิขิต พ.ต.ท.ทักษิณ จะทาบให้นายสมัครมาเป็นหัวหน้า พปช.โดยพ.ต.ท.ทักษิณอ้างว่า มีความเหมาะสมเนื่องจากนายสมัครมีความจงรักภักดี ในขณะที่ตัวพ.ต.ท.ทักษิณถูกหล่าวหาว่า ไม่จงรักภักดี
แต่อีกเหตุผลหนึ่งเชื่อกันว่านายสมัคร เป็นบุคคลคนเดียวที่กล้าต่อกรกับ "ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ" ตามนิยามของพ.ต.ท.ทักษิณอย่างเปิดเผยหรือ "อีแอบผมขาว" ในนิยามของนายสมัคร
ในที่สุดนายสมัครก็ได้นั่งเก้าอี้ประมุขฝ่ายบริหารอย่างที่ไม่เคยคาดฝันมาก่อน
แต่ใช่ว่า เก้าอี้นายกรัฐมนตรีจะนุ่มนวลดั่งฝันเพราะวิบากกรรมที่นายสมัครได้ทำไว้ขณะดำรงผู้ว่าฯ กทม.ซึ่งนายสมัครลงนามในสัญญาจัดซื้อรถดับเพลิงและอุปกรณ์ดับเพลิงมูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาทในวันสุดท้ายก่อนที่จะพ้นตำแหน่ง เป็นผลให้นายสมัครถูกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.)สอบสวนในเวลาต่อมาและถูกแจ้งข้อกล่าวว่า ทุจริตในการจัดซื้อรถดับเพลิงดังกล่าว คาดว่า คตส.จะสรุปสำนวนคดีนี้ได้ภายในเดือนมีนาคม 2551
ถ้า คตส.สรุปว่า นายสมัครมีความผิด แม้อัยการสูงสุดจะเห็นว่าสำนวนไม่สมบูรณ์ก็มีแนวโน้มว่า คตส.จะส่งฟ้องคดีดังกล่าวต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งการทางเมืองเอง
ถึงเวลานั้นเก้าอี้ของนายสมัครก็จะแขวนอยู่บนเส้นด้ายและเป็นนายกรัฐมนตรีที่ต้องเดินขึ้นศาลเพราะถูกกล่าวหาว่า ฉ้อราษฎร์บังหลวงนานหลายเดือน ซึ่งคาดว่าศาลจะพิพากษาคดีในราวปลายปี 2551
นอกจากนั้นนักวิเคราะห์เชื่อกันว่า นายสมัครจะเป็นนายกฯที่ไร้การนำเพราะอำนาจบารมีทั้งหมดมิได้อยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล แต่อยู่ที่ฮ่องกง
เห็นได้จากในช่วงที่มีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีการแย่งชิงจากกลุ่มแก๊งต่างๆ ใน พปช.ถนนทุกสายมุ่งตรงไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพื่อให้ช่วยชี้ขาดหรือผลักดันให้เป็นรัฐมนตรี
เมื่อสภาพเป็นเช่นนั้นายสมัครจึงแทบไม่มีอำนาจในการควบคุมกลุ่มแก๊งต่างๆที่อยู่ในสภาได้เลย
ไม่เพียงแต่ปัญหาหาช่วงชิงอำนาจในการ พปช.ที่นายสมัครไม่สามารถควบคุมได้ ยังมีปัญหาว่า นายสมัครนั้นมีศัตรูทางการเมืองจำนวนมากที่พร้อมจะขุดบาดแผลของนายสมัครออกมาถล่มอย่างต่อเนื่อง
รวมถึงอำนาจนายกองทัพที่เคยเป็นแกนหลักในการโค่นล้ม พ.ต.ท.ทักษิณ เชื่อกันว่า ยังไม่สามารถตกลงหรือต่อรองกันได้กับกลุ่มอำนาจเก่าได้อย่างลงตัวจนเกรงว่าจะเกิดเหตุใหญ่ในการโยกย้ายแต่งตั้งในเดือนเมษายน 2551
อาจเป็นชนวนเหตุสำคัญที่ทำให้นายสมัคร สุนทรเวช นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีได้ไม่นาน
ที่มา :
http://www.numsai.com/บทความ›การเมือง/อดีตนายกฯ›“สมัคร”ถึงแก่อสัญกรรม.html

0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น