"มาร์ค-โอบามา"ร่วมเป็นประธานประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน-สหรัฐ เพิ่มร่วมมือความมั่นคงพลังงาน-อาหาร ไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ หวังเลือกตั้งพม่ายุติธรรมโปร่งใส เผย ปธน.สหรัฐเรียกร้องกับ"เต็ง เส่ง"ให้ปล่อยตัว "ซูจี" และนักโทษการเมือง แต่ผู้นำพม่าไม่สนใจ ระบุไม่มีประเด็นในแถลงการณ์ร่วม
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการร่วมประชุมผู้นำกลุ่มความมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ครั้งที่ 17 และการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน-สหรัฐอเมริกา ที่ประเทศสิงคโปร์ ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 13-15 พฤศจิกายน ว่า เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 15 พฤศจิกายน นายอภิสิทธิ์เดินทางออกจากโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ซึ่งเป็นที่พักไปยังโรงแรมแชงกรี-ลา เพื่อพบปะและร่วมรับประทานอาหารเช้ากับนายอังเดรส์ ฟอกห์ ราสมุสเซน (Anders Fogh Rasmussen) นายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก ในฐานะประธานการประชุม UN Conventine on Climate Change จากนั้น เวลา 08.30 น. ได้เดินทางต่อไปยังโรงแรมมารีนา แมนดาริน เพื่อหารือทวิภาคีกับสุศีโล บัมบัง ยุทโธโยโน ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย เพื่อกระชับความสัมพันธ์และส่งเสริมความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศ ทั้งเรื่องการค้าการลงทุน และการเกษตร
ต่อมาเวลา 10.00 น. นายอภิสิทธิ์เดินทางไปยังอิสตาน่า ทำเนียบประธานาธิบดีสิงคโปร์ เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเอเปค ในหัวข้อ Inclusive Growth หรือ การเจริญเติบโตแบบมีส่วนร่วมและเท่าเทียมกันในทุกภาคส่วน ซึ่งเป็นหัวข้อที่ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคหยิบยกมาหารือกันในการประชุมครั้งนี้ โดยระหว่างการประชุมนายอภิสิทธิ์จะพบปะหารือกับ นายดมิทรี เมดเวเดฟ ประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย และนายสตีเฟ่น ฮาร์เปอร์ นายกรัฐมนตรีแคนาดา
ต่อมา นายอภิสิทธิ์ ในฐานะประธานอาเซียน และนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ร่วมกันเป็นประธานการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน-สหรัฐอเมริกา ครั้งที่ 1 ที่โรงแรมแชงกรีล่า ประเทศสิงคโปร์ หลังเสร็จสิ้นการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค การประชุมดังกล่าวเริ่มขึ้นด้วยการยืนขึ้นสอดมือไขว้ประสานซึ่งกันและกันตามธรรมเนียมการประชุมอาเซียนที่ทำให้ผู้นำสหรัฐดูสับสนเล็กน้อย ก่อนที่บรรดาผู้นำทั้งหมดจะนั่งประจำที่บนโต๊ะกลมที่ทางการสิงคโปร์จัดไว้ ทั้งนี้หลังเสร็จสิ้นการประชุมแล้ว นายกฯไทยในฐานะประธานอาเซียนและประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกายืนแถลงผลการประชุมร่วมกัน
นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน-สหรัฐ ภายใต้หัวข้อ “ความเป็นหุ้นส่วนที่เพิ่มพูน เพื่อสันติภาพและความมั่งคั่งอันยั่งยืน ” กล่าวว่าผู้นำอาเซียนและสหรัฐฯ ได้ทบทวนความสัมพันธ์อาเซียน-สหรัฐฯ และทิศทางในอนาคต รวมทั้งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นระดับภูมิภาคและระดับโลก อาทิ วิกฤตการเงินและวิกฤตเศรษฐกิจโลก ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์และการลดอาวุธ ความร่วมมือในด้านความมั่นคงทางพลังงานและอาหาร เป็นต้น
สำหรับแถลงการณ์ร่วมอาเซียน-สหรัฐ นั้น สรุปว่า อาเซียนและสหรัฐฯ เห็นชอบที่จะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันให้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การปฏิสัมพันธ์ระหว่างประชาชน ความมั่นคงในภูมิภาค ความมั่นคงทางด้านอาหาร และพลังงานทางเลือก ในส่วนที่เกี่ยวกับโครงสร้างระดับภูมิภาค ต้องเน้นการมีส่วนร่วม และเคารพความหลากหลาย โดยทุกฝ่ายตกลงที่จะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดโดยเน้นความเป็นศูนย์กลางของอาเซียน นอกจากนั้นสหรัฐ สนับสนุนการจัดตั้งคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และพร้อมสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์ทรัพยากรด้านสิทธิมนุษยชน โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่มหาวิทยาลัยในจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย
ผู้นำอาเซียนแสดงความยินดีกับนโยบายของสหรัฐฯ ที่ต้องการเพิ่มปฏิสัมพันธ์ต่อพม่า ซึ่งน่าจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการปฏิรูปทางการเมืองและเศรษฐกิจในพม่าได้ในอนาคต และที่ประชุมยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการบรรลุถึงการปรองดองแห่งชาติและการเลือกตั้งทั่วไปในพม่า ที่จะจัดขึ้นในปี 2553 ซึ่งจะต้องมีรูปแบบที่เสรี ยุติธรรม มีส่วนร่วม และโปร่งใส และตระหนักถึงความสำคัญในการเปิดเสรีการค้าและการลงทุน สอดคล้องกับผลการประชุมผู้นำเอเปค ในปี 2553 และย้ำถึงการเร่งการรวมตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิคเพื่อส่งเสริมนโยบายการค้าและการลงทุน นอกจากนี้ ที่ประชุมยังตระหนักถึงความสำคัญของการบรรลุผลการเจรจารอบโดฮา ขององค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ภายในปี 2553
ผู้นำอาเซียนและสหรัฐเชื่อมั่นว่าการจัดตั้งเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ในอาเซียนจะช่วยส่งเสริมการลดอาวุธและการไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ การสร้างสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค ทั้งยังตระหนักถึงปัญหาโลกร้อน และตกลงที่จะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อให้การประชุมภาคีกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติที่กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ประสบผลสำเร็จ นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังตกลงที่จะจัดการประชุมผู้นำอาเซียน-สหรัฐฯ ครั้งที่ 2 ในปี 2553 ด้วย
ด้านสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ในแถลงการณ์ร่วมยังระบุว่าถึงความเห็นพ้องของผู้นำอาเซียนและสหรัฐฯ ว่า การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปีหน้าของพม่าจะต้องเป็นไปโดยเสรี เป็นธรรม โปร่งใสและให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม ผู้นำทั้งหมดแสดงความยินดีต่อแนวนโยบายกลับมามีความสัมพันธ์กับพม่าใหม่อีกครั้ง และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างสมานฉันท์ขึ้นในพม่า
ทั้งนี้ นายโรเบิร์ต กิบส์ โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเปิดเผยว่า ผู้นำสหรัฐเรียกร้องชัดเจนในระหว่างการประชุมให้พม่าปล่อยตัวนางออง ซาน ซู จี และนักโทษการเมืองเป็นอิสระ รวมทั้งเปิดการเจรจากับฝ่ายค้านเพื่อให้การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นนั้นเป็นการเลือกตั้งที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมสูงสุด โดยได้กล่าวเรื่องนี้โดยตรงต่อนายกรัฐมนตรีเต็ง เส่งของพม่า อย่างไรก็ตาม ตนกู นาจิบ ราซัก นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กล่าวว่า ผู้นำพม่าไม่ได้กล่าวตอบต่อความกังวลในเรื่องนี้ของผู้นำสหรัฐ-อาเซียนแต่อย่างใด และให้เหตุผลว่า การปล่อยนางซูจี เป็นอิสระไม่ได้ถูกระบุไว้ในแถลงการณ์ร่วมเนื่องจากไม่ได้เป็นฉันทามติของที่ประชุมทุกคน
ก่อนหน้านี้ ผู้นำเอเปค ได้ร่วมกันอยู่บนเวทีในระหว่างที่นายกรัฐมนตรี ลี เซียนหลุง ของสิงคโปร์ที่เป็นเจ้าภาพในการประชุม อ่านแถลงการณ์ร่วมผู้นำเอเปค เป็นการปิดประชุมอย่างเป็นทางการ เนื้อหาสำคัญเป็นการประกาศการรังสรรค์เศรษฐกิจโลกขึ้นใหม่หลังจากวิกฤตการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษ โดยผู้นำเอเปคเห็นร่วมกันว่า นับแต่นี้ต่อไป ไม่สามารถยึดถือแนวทางการเติบโตเหมือนเช่นที่ผ่านมา แนวทางของลัทธิปกป้องทางการค้า และจำเป็นต้องสร้างแบบจำลองของการมีปฏิสัมพันธ์เชิงเศรษฐกิจร่วมกันขึ้นมาใหม่
ทั้งนี้ นายโอบามาได้กล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมประกาศการเป็นเจ้าภาพครั้งต่อไป โดยเลือกที่จะใช้รัฐฮาวายเป็นสถานที่จัดการประชุม และได้เตือนบรรดาผู้นำด้วยอารมณ์ขันว่า ให้เตรียมสวมกระโปรงฟางและเสื้อลายดอกไม้ ตามธรรมเนียมการสวมชุดท้องถิ่นของการประชุมเอเปคในครั้งต่อไปอีกด้วย
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น