วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

5ยุคบัตรประชาชนรุ่นล่ากันก๊อบ100%


บัตรประชาชนรุ่นล่าสมาร์ทการ์ด นอกจากสามารถเชื่อมโยงกับหน่วยงานอื่นๆได้แล้ว ยังเป็นบัตรที่ป้องกันการปลอมแปลงได้ 100 เปอร์เซ็นต์

สมดี คชายั่งยืน ผู้อำนวยการสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง บอกว่า ปัจจุบันถ้าถือบัตรประชาชนสมาร์ทการ์ดไปติดต่อที่โรงพยาบาล แค่เอาบัตรเสียบเข้าเครื่องอ่านผ่านชิป ก็จะแสดงผลออกมาทันทีว่ามีสิทธิการรักษาพยาบาลประเภทไหน

"สิทธิบัตรทอง...หลักประกันสุขภาพ ประกันสังคม หรือเป็นข้าราชการ"

ข้อมูลเหล่านี้ก็มาจากแต่ละหน่วยงานเจ้าของสิทธิ สมดี บอกว่า ในอนาคตกระทรวงศึกษาธิการจะเอาข้อมูลนักเรียน 4-5 ล้านคนใส่เข้าไปไว้ด้วย รวมถึงสภากาชาดไทยก็จะเอาข้อมูลผู้ที่บริจาคอวัยวะ
บริจาคโลหิต บรรจุรวมเอาไว้ ในบัตรด้วยเช่นกัน

"เจตนารัฐบาล โดยเฉพาะกรมการปกครอง อยากจะให้ประชาชน ถือบัตรใบเดียวก็พอ แต่ทุกวันนี้กลับตรงกันข้าม แต่ละหน่วยงานก็ อยากจะออกบัตร มีบัตรของตัวเอง..."



พูดมาถึงตอนนี้ สมดีอยากจะเชิญชวนส่วนราชการทุกส่วน อย่างกรมการขนส่งทางบก ชิปตัวเดียวกันสามารถเก็บข้อมูลได้มากมาย หรือจะแสดงเอาไว้บนหน้าบัตรก็ได้ว่า เจ้าของบัตรมีใบขับขี่ประเภทใดบ้าง บรรจุอยู่ในสมาร์ทการ์ดใบเดียวพอแน่นอน

"ชิปปัจจุบันมีความจุ 36 เคไบต์ ที่กำลังซื้อลอตใหม่โดยกระทรวง
ไอซีทีเก็บได้มากกว่า...ข้อมูล ณ วันนี้ เก็บเข้าไปแค่ 30 เคไบต์เท่านั้น ยังมีเนื้อที่เหลืออีกมากในการรับข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆ"

ข้อดี...จะตกอยู่กับผู้ถือบัตร ลดภาระในการติดต่อทำบัตรหลายที่หลายแห่ง และวันนี้ก็มี 90 กว่าหน่วยงานแล้วที่เชื่อมโยงข้อมูลที่บรรจุเอาไว้ในบัตรสมาร์ทการ์ด ของกรมการปกครอง


"ประชาชนไปติดต่อกรมการกงสุล ก็ขอบัตรประชาชนใบเดียว เสียบบัตรหรือคีย์เลข 13 หลักก็รู้ข้อมูลเจ้าของบัตรได้ทันที"

บัตรใบเดียว...เชื่อมโยงข้อมูลกันหมด เป็นเรื่องที่ต้องทำในอนาคต เชื่อมโยงกับตู้อเนกประสงค์ เป็นวัตกรรมร่วมสมัยที่คิดว่า พี่น้องประชาชนมีปัญหารอคิวนานในการใช้บริการตรวจสอบทะเบียนราษฎรติดต่อส่วนราชการ


บางทีก็ไม่สะดวก ต้องติดต่อเฉพาะเวลาราชการ...ถ้าใช้บริการผ่านตู้จะตัดปัญหาเรื่องเวลา หลักการเดียวกับเครื่องกดเงินอัตโนมัติ...เอทีเอ็ม ไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่ก็รับบริการได้อย่างสะดวกรวดเร็ว

"เสียบบัตรสมาร์ทการ์ดเข้าไป กดรหัสส่วนตัว จะคัดทะเบียนบ้าน ตรวจสอบสิทธิ ทะเบียนสมรส หย่า ครอบครัว ย้ายทะเบียนบ้านผ่านเจ้าตัว เจ้าบ้าน รวมถึงขอคัดรับรองสำเนาก็ทำได้ทันที"

สมดี บอกว่า ระยะแรก...ปี 2552 เริ่มสิ้นปีนี้จะติดตั้ง 2 เขตนำร่อง... บางเขน บางขุนเทียน ศูนย์บริการประชาชน กรมการปกครอง นางเลิ้ง ตรงข้าม ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่

ต่างจังหวัด จะเริ่มที่หัวเมืองใหญ่ๆ เชียงใหม่ พิษณุโลก อุดรธานี นครราชสีมา นครปฐม ชลบุรี สุราษฎร์ธานี หาดใหญ่...สงขลา

ภายในปี 2553 คาดว่าจะติดตั้งให้กับอำเภอเมือง ครบทุกจังหวัด เพื่อความสะดวกในการใช้บริการเวลาไหนก็ได้

ถามเพื่อคลายความสงสัย? เคยมีข่าวตอนแรกๆว่าบัตรสมาร์ทการ์ดจะใช้กดเอทีเอ็มได้ด้วย สมดีบอกว่า เคยคิดอย่างนั้นจริง...แต่มีปัญหาว่าธนาคาร กลัวว่าข้อมูลทางการเงินจะถูกโจรกรรม เป็นความปลอดภัยของข้อมูล

แต่ทุกวันนี้...ทุกธนาคารยังเชื่อมโยงข้อมูลบัตร ด้วยการใช้ระบบออนไลน์ เสียบอ่านบัตรสมาร์ทการ์ดเพื่อตรวจสอบข้อมูลเจ้าของบัตร

บัตรปลอมหรือบัตรจริง เจ้าของบัตรเป็นผู้ถือบัตรจริงหรือเปล่า?

"ถ้าเสียบเข้าไปแล้ว หน้าตาที่ถ่ายเก็บไว้ในฐานข้อมูล กับผู้ถือไม่ตรงกัน แสดงว่าบัตรใบนั้นเป็นบัตรปลอม"

ย้อนตำนานบัตรประชาชนไทย 5 รุ่น...อาจเรียกได้ว่ามีพัฒนาการตามเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเป็นลำดับรุ่นแรก ทำด้วยกระดาษ มีลักษณะคล้ายบัตรยืมหนังสือของห้องสมุด พับเป็น 4 ตอน...มี 8 หน้า เริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2486-2505 ออกให้เฉพาะประชาชนในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพ และธนบุรี...หรือกรุงเทพมหานครปัจจุบัน

รุ่นที่สอง ทำด้วยกระดาษรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดพกพาติดตัวได้สะดวก รูปถ่ายผู้ถือบัตรเป็นรูปขาว-ดำ พิมพ์รายการผู้ถือบัตรด้วยเครื่องพิมพ์ดีดธรรมดา เคลือบด้วยพลาสติกใส เริ่มใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2506

รุ่นที่สาม ทำด้วยกระดาษคล้ายกับบัตรรุ่นที่สอง ต่างกันที่รูปถ่ายผู้ถือบัตรเป็นรูปสีธรรมชาติ รายการผู้ถือบัตรพิมพ์ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ เคลือบด้วยวัสดุป้องกันการปลอมแปลงชนิดพิเศษ...เริ่มใช้วันที่ 1 มกราคม 2531

รุ่นที่สี่ ตัวบัตรทำด้วยพลาสติกคล้ายบัตรเครดิต มีแถบแม่เหล็กสำหรับ บันทึกข้อมูลเจ้าของบัตร ผลิตด้วยคอมพิวเตอร์ทั้งระบบ เริ่มใช้วันที่ 5 ธันวาคม 2539

สำนักทะเบียนเป็นผู้ผลิต...สามารถรับบัตร ได้ภายใน 15 นาที

รุ่นสุดท้าย...รุ่นที่ห้า บัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ หรือบัตร สมาร์ทการ์ด (Smart Card) เริ่มใช้วันที่ 7 ตุลาคม 2548

ไม่นับช่วงเวลารอคิว ไม่เกิน 5 นาที รับบัตรได้ทันที

สมดี บอกว่า ในอดีตต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีมีน้อย อินเตอร์เน็ตก็ไม่ค่อยมี ภาพถ่ายกว่าจะได้ก็ต้องรอบัตรตัวจริงนานสองสามเดือน รับแต่ ใบเหลืองถือไว้แทนตัวจริง

"บางทีทำแล้วถ่ายรูปแล้วหน้าดำ หลับตา ไม่พอใจก็ต้องทำใหม่ แต่ปัจจุบันถ่ายแล้วได้บัตรทันที ไม่พอใจ หลับตา ผมตก ตอนนี้ก็เห็นทันที ไม่พอใจก็ถ่ายใหม่"

ยุคถัดมาก็เพิ่มลายน้ำ แล้วก็มาถึงยุคชิป บัตรสมาร์ทการ์ดเพิ่มความยากในการปลอมให้ยากขึ้นไปอีก... "ชิป" ปลอมไม่ได้ ฟอร์แมตล้างที่กรมการปกครองทุกชิ้น และในด้านหลังบัตรก็จะมีโค้ดประจำบัตรแต่ละใบ จะรู้ทันที ว่าส่งที่สำนักทะเบียนไหน จังหวัดอะไร
"ชิปกับโค้ดหลังบัตรต้องลิงค์กัน ยังไงก็ปลอมได้ยาก" สมดี ว่าบัตรลายน้ำแบบเก่า โดยเฉพาะบัตรกระดาษ เป็นบัตรที่ปลอมกันมากที่สุด แถมปลอมง่าย...แค่ตัดแปะรูปใหม่เข้าไปแค่นั้น รุ่นแถบแม่เหล็ก...ไม่ต้องพูดถึง บัตรเอทีเอ็ม บัตรเครดิตยังปลอมได้ แถบแม่เหล็กเหมือนกัน ก็ปลอมได้ง่ายเหมือนกัน

ถึงวันนี้อาจมีคนจำนวนไม่น้อยสงสัย ทำไม?ต้องใช้รหัส 13 หลัก สมดี อธิบายว่า หลักที่ 1...ถ้าเป็นเลข 1 หมายถึงแจ้งเกิดในกำหนด เลข 2...แจ้งเกิดเกินกำหนด ปกติต้องแจ้งภายใน 15 วัน

เลข 3...สันนิษฐานว่าเป็นบุคคลที่เกิดมานาน ก่อนการใช้รหัส 13 หลักในปี 2526 เลข 4...ให้เลขอยู่ระหว่างการย้าย เลข 5...เป็นการเพิ่มชื่อ เลข 6-7 คนต่างด้าว เลข 8 บุคคลประเภทที่ได้รับการแปลงสัญชาติเลข 9 ใช้เฉพาะสถาบันพระมหากษัตริย์สำหรับเลข 4 หลักถัดมา...เป็นรหัสสำนักทะเบียน อีกหลักถัดมาเป็นเลขรันนิ่ง หลักสุดท้ายเป็นเลขตรวจสอบรหัสเลขหลักสุดท้าย เป็นการเอาเลขทั้งหมดทุกหลักมาเข้าสูตรคำนวณลับ...บวก ลบ คูณ หาร เพื่อใช้เป็นรหัสตรวจสอบรหัสในบัตรทั้ง 13 หลัก
"บัตรประจำตัวประชาชน" เป็นเอกสารที่ทางราชการออกให้เฉพาะผู้มีสัญชาติไทย เพื่อพิสูจน์ทราบ และยืนยันตัวบุคคล นับได้ว่าเป็นเอกสารที่มีความสำคัญมาก เพราะเป็นหลักฐานชิ้นแรกที่จะนำไปสู่การมีสิทธิด้านต่างๆ เช่น การใช้สิทธิเลือกตั้ง การทำนิติกรรมสัญญา

คนไทยได้รู้จักและใช้บัตรประจำตัวประชาชนอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2486 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 โดยรัฐบาลได้เสนอออกกฎหมายว่าด้วยบัตรประจำตัวประชาชนขึ้นมาบังคับใช้เป็นครั้งแรก เรียกว่า "พระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน พุทธศักราช 2486"

นับเป็นกฎหมายฉบับแรกที่เกี่ยวกับการจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่คนไทย แต่ประกาศและบังคับใช้เฉพาะราษฎรในสองจังหวัดเท่านั้น คือ จังหวัดพระนคร และจังหวัดธนบุรีและนี่คือที่มาของการเริ่มใช้บัตรประชาชนรุ่นแรกในประเทศไทย.

Bookmark and Share

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น