วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ไทย-เขมร ตึงเครียด เรียกทูตกลับด่วน รบ.ไทยแถลงประท้วง "ฮุน เซน"


รัฐบาลไทยใช้มาตรการเด็ดขาดตอบโต้ฮุนเซน "เทพเทือก" เผย "อภิสิทธิ์-กษิต"ร่วมหารือก่อนรัฐบาลประกาศแถลงการณ์ เรียกทูตประจำกรุงพนมเปญกลับไทยทันที พร้อมสั่งทบทวนความร่วมมือและข้อตกลงต่างๆของทั้ง 2 ประเทศ ยันไม่ถึงขั้นตัดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แขวะ "ทักษิณ" ไม่ช่วยชาติ แต่จะยุให้ไทย-เขมรมีปัญหา 40 ส.ว.หนุนสะบั้นสัมพันธ์ไทย-เขมร "ทักษิณ" ฉะรัฐบาลไทยทำตัวเป็นเด็กโอเวอร์
โฆษกรัฐบาลเขมรโต้ไทยตื่นตูมเกินเหตุ รัฐบาลเขมรตอบโต้ทันควัน เรียกทูตประจำกรุงเทพฯกลับประเทศเหมือนกันหลังจากที่รัฐบาลกัมพูชาได้แต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลและที่ปรึกษาส่วนตัวของสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชานั้น เรื่องนี้ทำให้รัฐบาลแสดงความไม่พอใจถึงขั้นเรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ กลับประเทศทันที

รบ.ไทยแถลงประท้วง "ฮุน เซน"
เมื่อวันที่ 5 พ.ย. เวลา 15.15 น. ที่กระทรวงการ ต่างประเทศ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.ต่างประเทศ แถลงข่าวถึงท่าทีของรัฐบาลไทยต่อกรณีรัฐบาลกัมพูชาแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาว่า ตามที่รัฐบาลกัมพูชาได้แต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา และที่ปรึกษาส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และยืนยันที่จะไม่ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณให้ไทย ตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนหากได้รับการร้องขอนั้น กระทรวงการต่างประเทศขอแถลงว่า เรื่องดังกล่าวเคยเกิดขึ้นแล้วในช่วงที่มีการประชุมอาเซียนซัมมิท ครั้ง ที่ 15 ที่ชะอำ-หัวหิน และรัฐบาลได้ชี้แจงทำความเข้าใจแล้วว่า ขอให้รัฐบาลกัมพูชายึดถือความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 ประเทศ เหนือความสัมพันธ์ส่วนบุคคล แถลงการณ์ ของรัฐบาลกัมพูชาเมื่อเช้าที่ผ่านมา ได้ชี้ชัดแล้วว่า กัมพูชาไม่สามารถแยกผลประโยชน์ของประเทศ ออกจากความ สัมพันธ์ส่วนบุคคลของผู้นำกัมพูชาได้ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณยังเป็นผู้หลบหนีคดีอาญา และยังคงมีบทบาททางการเมืองในประเทศอยู่

ใช้มาตรการแรงเรียกทูตกลับทันที

นายชวนนท์กล่าวต่อว่า การแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษารัฐบาลกัมพูชาและที่ปรึกษาส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของไทย และเป็นการปฏิเสธไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมของไทย รวมทั้งทำให้ความสัมพันธ์และผลประโยชน์ส่วนบุคคล อยู่เหนือความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ รัฐบาลไทยจึงนิ่งเฉยไม่ได้ และมีความจำเป็นต้องปกป้องสิทธิ และความรู้สึกของคนไทยทั้งประเทศ เบื้องต้นรัฐบาลไทยจำเป็นต้องทบทวนสถานะความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา โดย 1. เรียกตัวนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญกลับ โดยจะกลับถึงไทยในวันนี้ โดยสายการบินไทย เที่ยวบิน TG 585 ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 22.15 น.
ทบทวนความร่วมมือข้อตกลงร่วมกัน

เลขานุการ รมว.ต่างประเทศกล่าวต่อว่า 2. ทบทวนพันธกรณีต่างๆที่เกิดขึ้นกับฝ่ายกัมพูชาในช่วงที่ผ่านมาและ 3. ทบทวนความร่วมมือและข้อตกลงต่างๆทั้งหมดที่รัฐบาลไทยดำเนินการที่ผ่านมา เพื่อตรวจสอบความไม่ ชอบมาพากล และผลประโยชน์ทับซ้อน ส่วนสิ่งที่กำลังจะดำเนินการระหว่างรัฐบาล 2 ประเทศก็คงมีความลำบากมากขึ้น เนื่องจากหากรัฐบาลกัมพูชาทำให้สถานการณ์ การเมืองของ 2 ประเทศเป็นแบบนี้ และการให้ความร่วมมือในด้านต่างๆก็คงจะเป็นไปโดยยาก

ยันนายกฯไปญี่ปุ่นไม่คุยเขมร

นายชวนนท์กล่าวว่า ท่าทีดังกล่าวนี้ทางกระทรวงการต่างประเทศได้รายงานต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้รับทราบแล้ว และนายกฯกำชับว่าสิ่งที่ดำเนินการอย่าให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ เมื่อถามว่า ในการประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขง-ญี่ปุ่น ครั้งที่ 1ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 6-7 พ.ย. ที่ไทยจะได้พบกับกัมพูชา จะได้พูดคุยกันหรือไม่ นายชวนนท์ตอบว่า ไทยไม่เป็นฝ่ายไปขอพูดคุยแน่นอน ถ้ากัมพูชาจะคุยกับไทย ต้องยืนยันว่าจะคุยเรื่องอะไร ถ้าคุยไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ไม่คุย แต่ถ้าจะมาชี้แจงเรื่องนี้ก็ต้องดูกันอีกที เมื่อถามความชัดเจนเรื่องการทบทวนพันธกรณี นายชวนนท์ตอบว่า ไม่ใช่การระงับความช่วยเหลือ หรือเรียกคืนเงินกู้ที่ไทยปล่อยให้ แต่เป็นการทบทวนเรื่องของความตกลง หรือเอ็มโอยูทางบก ทางทะเล หรือความตกลงใดๆที่ประชาชนคนไทยไม่สบายใจ หรือมีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน โดยต้องมาดูว่ามีอะไรแอบแฝงหรือไม่ ถ้ามีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล ต้องทบทวนและวิเคราะห์ถึงสาเหตุของท่าทีของรัฐบาลกัมพูชาที่มีต่อไทย หรืออะไรเป็นชนวนเหตุของเหตุการณ์ในระยะหลัง ส่วนเรื่องคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี ซึ่งอยู่ในขั้นตอนของรัฐสภา ก็ต้องปล่อยไปตามนั้นก่อน

ย้ำ รบ.ไทยทำถูกต้องเหมาะสม

เมื่อถามอีกว่า จะนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศหรือไม่ นายชวนนท์ตอบว่า "เราพยายามรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ถึงวันนี้เป็นหน้าที่ที่รัฐบาลไทยต้องแสดงออกถึงการปกป้องถึงสิทธิและเกียรติภูมิของประเทศไทย และการเรียกตัวทูตกลับมาเป็นการแสดงออกถึงการประท้วงของรัฐบาลอยู่แล้ว" เมื่อถามว่า เหตุใดจึงไม่ไล่ทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยออกไปด้วย นายชวนนท์ตอบว่า เราดำเนินการสิ่งที่เกี่ยวข้องกับพวกเราก่อน ส่วนเรื่องอื่นขอให้พิจารณาดูอีกที เมื่อถามว่า ต้องประสานฝ่ายทหารให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ตามแนวชายแดนหรือไม่ นายชวนนท์ตอบว่า คิดว่าทุกฝ่ายต้องพิจารณาว่าแต่ละฝ่ายที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ต้องดำเนินการอย่างไร อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าไม่ต้องการให้เกิดการปะทะ เราหลีกเลี่ยงในทุกกรณี การดำเนินการทั้ง 3 อย่างเราเห็นว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสม และถูกต้องในสถานการณ์นี้

"เตช" ชี้แก้ปัญหาชายแดนยาก

ด้านนายเตช บุนนาค อดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า การเรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชากลับวันนี้ เป็นการลดระดับความสัมพันธ์ แสดงความไม่พอใจ ส่งผลบรรยากาศสองประเทศตึงเครียดแน่นอน และจะทำให้การแก้ไขปัญหาเขตแดนยากขึ้น การที่นายกรัฐมนตรีของทั้ง 2 ประเทศ จะได้พบกันในการประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขง-ญี่ปุ่น ครั้งที่ 1 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นนั้น ก็อาจจะส่งผลให้ภาพรวมดีขึ้น เมื่อถามว่า หวังหรือไม่ว่าความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศจะดีขึ้นไม่เสียไปเพราะคนคนเดียว นายเตชตอบว่า ก็หวังอย่างนั้น

ด้านนายสมศักดิ์ สุริยวงศ์ อธิบดีกรมพิธีการทูต กล่าวว่า ในขณะนี้ยังไม่มีกำหนดการหารือทวิภาคีของผู้นำไทย-กัมพูชาในการประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขง-ญี่ปุ่น ที่กรุงโตเกียว รวมทั้งการประชุมผู้นำเอเปก ที่สิงคโปร์ วันที่ 15 พ.ย.นี้ ก็ยังไม่มีกำหนดการหารือทวิภาคีเช่นกัน

"เทือก" รับถก "นายกฯ-กษิต"

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 16.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงการที่ทางการไทยตอบโต้เรียกตัวเอกอัครราชทูตไทยกลับประเทศเพื่อตอบโต้ สมเด็จฮุน เซน ว่าเมื่อช่วงสายของวันนี้ ได้หารือนอกรอบร่วมกับนายกรัฐมนตรี และนายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ ถึงท่าทีของฝ่ายไทย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นตัดขาดความสัมพันธ์ทางการทูตกับรัฐบาลกัมพูชา ส่วนการดำเนินการตอบโต้ทางการทูตจะมีขอบเขตอย่างไรให้ถามทาง รมว.ต่างประเทศดีกว่า เมื่อถามว่า ระบุว่าแยกแยะเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ นายสุเทพตอบว่า เมื่อได้เห็นเอกสารแล้ว ในเอกสารทางราชการของประเทศกัมพูชา ให้เหตุผลว่าการที่กัมพูชาจะไม่ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มาให้ประเทศไทย ตามสนธิสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้น เพราะเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณถูกเล่นงานทางการเมือง ไม่ใช่เรื่องปกติ แต่เป็นเรื่องการเมือง ดังนั้น เมื่อตนอ่านเอกสารอย่างละเอียดแล้ว จะเห็นว่าเขามาตัดสินเอาเอง ว่ากระบวนการยุติธรรมเป็นเรื่องการเมือง ซึ่งมันไม่ใช่

ไม่ถึงขั้นตัดสัมพันธ์ 2 ประเทศ

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะส่งผลให้มีการปะทะกันระหว่าง 2 ประเทศหรือไม่ นายสุเทพ ตอบว่า ไม่มีถึงขนาดนั้น วิธีการทางการทูตก็ว่ากันไป เมื่อถามต่อว่า ต่อจากนี้ไปความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศจะเป็นอย่างไร นายสุเทพตอบว่า อยู่ที่ท่าทีของผู้นำ ถ้าผู้นำทางกัมพูชามีท่าทีที่สวนกระแสกับความรู้สึกของประชาชนคนไทยอย่างชัดเจน จะทำให้กระทบกระเทือนในเรื่องของการคบค้าสมาคม และความร่วมมือกันได้ แต่ถ้าทำเพียงแต่เท่าที่พูดไว้ คือเป็นเพื่อนกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วตั้งเป็นที่ปรึกษา เท่านี้ก็จบ แต่ถ้าให้เหตุผลไปมากกว่านั้น มันเดือดร้อนประเทศไทย จึงเป็นหน้าที่ของประเทศไทยที่จะต้องแสดงออก เมื่อถามว่า ถ้าถึงสถานการณ์สุดทนแล้วจะมีการแตกหักหรือไม่ นายสุเทพ ถึงกับส่งเสียงอุทาน ว่า "ฮึ๋ย...ไม่ใช่วัยรุ่น นั่นมันพูดแบบวัยรุ่น" เมื่อถามต่อว่า จะเข้าทาง พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ ที่พยายามยกให้เป็นเรื่องระดับชาติ นายสุเทพปฏิเสธว่า ตนไม่ทราบ เพราะไม่สามารถวิเคราะห์ไปได้ไกลขนาดนั้น

แขวะ "ทักษิณ" จ้องยุสร้างปัญหา

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาหรือไม่ว่า แยกออก เป็นเรื่องๆ ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาจะดูเป็นกรณีๆไปยืนยันว่าไทยต้องอยู่ร่วมกับเพื่อนบ้านอย่างสันติ เมื่อ ถามว่า วันนี้สรุปได้หรือยังว่ากัมพูชาไม่ใช่มิตรแท้ของไทย เพราะแต่งตั้งนักโทษหนีคดีเป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจกัมพูชา นายสุเทพตอบว่า คิดอย่างนั้นไม่ได้ ผลประโยชน์ของชาติ จะเอาไปแลกกับความโกรธ ชอบหรือไม่ชอบไม่ได้ มันไม่ สนุกที่จะไปทะเลาะกับเพื่อนบ้าน ไม่คุ้ม ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะช่วยทำให้กัมพูชาเข้าใจปัญหาชายแดนได้หรือไม่ นายสุเทพตอบว่า "ผมไม่คาดหวังขนาดนั้น จะยุเสียล่ะไม่แน่ เรื่องที่จะช่วยคงยาก"

ฉะ "จิ๋ว-ทักษิณ" จับมือทำงาน

เมื่อถามว่าการที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย เดินทางไปพบผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน รัฐบาล ต้องระวังปัญหาที่จะตามมาเหมือนกรณีกัมพูชาหรือไม่ นาย สุเทพตอบว่า พล.อ.ชวลิตกับ พ.ต.ท.ทักษิณทำงานประสานกันอยู่แล้ว มีความชัดเจนว่า พล.อ.ชวลิตทำงานในพรรคเพื่อไทยเพื่อรับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ การที่ พล.อ.ชวลิตเดินทาง ไปพบนายกฯมาเลเซียไม่มีอะไรต้องไปกลัว พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินสายให้ทั่วอย่างไรก็ไม่มีใครเข้ามาแทรกแซงปัญหา ภายในของเราได้ รัฐบาลไม่เคยหวั่นไหวกับการเคลื่อนไหว เหล่านี้ เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าอนาคตกัมพูชาจะเป็นภัยคุกคามของไทย นายสุเทพตอบว่าไม่คิดว่าจะเป็น ภัยคุกคามต่อประเทศไทย เชื่อว่าทุกคนอยากอยู่อย่างสันติ กับประเทศเพื่อนบ้าน
40 ส.ว.จี้สะบั้นสัมพันธ์กัมพูชา

วันเดียวกัน ที่รัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว. สรรหา แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวว่า การที่สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ถือเป็นการ กล่าวหา กระบวนการยุติธรรมไทยอย่างรุนแรง รัฐบาลต้อง ตัดความสัมพันธ์กับรัฐบาลกัมพูชาทันที อย่าบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของสมเด็จฮุน เซน ไม่ควรอยู่เฉยๆ อาจเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยเฉพาะท่าทีของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ที่บอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ของสมเด็จฮุน เซน นั้นถือว่ามีท่าทีอ่อนแอ ไร้น้ำยา ควรพ้นตำแหน่งไปได้แล้ว หากไม่ทำเรื่องซึ่งเป็นศักดิ์ศรีของ ประเทศ ก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม

"ทักษิณ" ตอบรับกุนซือ ศก.เขมร

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 12.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์ ทวิตเตอร์ถึงกรณีที่ประเทศกัมพูชาแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษา ด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา และเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ด้านเศรษฐกิจส่วนตัวของสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรี กัมพูชาว่า "ผมขออนุญาตพี่น้องคนไทย ไปให้คำปรึกษาด้านเศรษฐกิจกับรัฐบาลกัมพูชาตามที่โปรดเกล้าจาก king สีหมุนีไปพลาง ก่อนที่จะมีโอกาสได้มารับใช้พี่น้องใหม่ ตอนนี้ผมก็ได้ให้คำปรึกษาแก่รัฐบาลอื่นอยู่แล้วครับ ก็ถือว่าเป็นการลับสมองไว้ ถ้าไม่ใช้ไม่ติดตามข้อมูลและความรู้ใหม่ๆก็จะขึ้นสนิมหมดครับ อยากทำงานให้คนไทย ก็ไม่ได้ แม้กระทั่งพาสปอร์ตเขายังไม่ให้ถือ ยศก็จะถอดเครื่องราชก็จะเอาคืน ถ้ายึดเชื้อชาติและสัญชาติได้ก็คงจะทำโทษฐานทำงานมากไป เพื่อนบ้านไม่ได้เป็นศัตรูครับ อย่างไรก็ต้องอยู่เป็นเพื่อนบ้านติดกันไปชั่วกาลนาน เอามา เป็นมิตรดีกว่า เขาจนกว่าเรามาก"

ฉะ รบ.ทำตัวเป็นเด็กโอเวอร์

ต่อมาเมื่อเวลา 17.30 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์ twitter.com อีกครั้งว่า "ขอขอบคุณทุกท่านที่เขียนข้อความมาแสดงความยินดีและให้กำลังใจครับ ขณะนี้ได้ข่าวว่ารัฐบาลจะเรียกทูตกลับ คงพูดได้คำเดียวครับว่า ทำไมเด็กจัง over react ไป? ตอนนี้ sms ผมถูกรัฐบาลสกัดห้ามออกครับ มันกลัวไปทุกเรื่อง ปิดข่าว บิดเบือนข่าวทุกอย่าง แต่เที่ยวไปบอกต่างประเทศว่าเป็นประชาธิปไตย"

"นพดล" สับรัฐบาลทำเกินกว่าเหตุ

ด้านนายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลทำเกินกว่าเหตุ กำลังนำผลประโยชน์ประชาชนและประเทศชาติเข้าสู่ภาวะสุ่มเสี่ยง ถือเป็นการตอบโต้ที่ไร้วุฒิภาวะทางการทูต จะส่งผลให้เกิดความตึงเครียดในทางการทูตทั้ง 2 ประเทศ รัฐบาลพยายามแสดงตัวเป็นผู้นำในภูมิภาค แต่การดำเนินการเรื่องนี้จะนำประเทศไปสู่หุบเหว การแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ก็ชัดเจนว่าจะขอคำปรึกษาด้านเศรษฐกิจไม่เกี่ยวกับการเมือง และ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้คิดจะเดินทางไปประเทศกัมพูชา การแต่งตั้งดังกล่าวก็เป็นสิทธิตามอธิปไตยของประเทศกัมพูชา หากรัฐบาลอ้างเหตุผลนี้มาตอบโต้กัมพูชา ฟังไม่ขึ้น เชื่อว่าประชาชนคงไม่เห็นด้วยกับเหตุผลที่รัฐบาลกล่าวอ้าง ความจริงความไว้เนื้อเชื่อใจและความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา ที่เสื่อมทรามลง เริ่มตั้งแต่นำนายกษิต ภิรมย์ มาเป็น รมว.ต่างประเทศ ไปเอาคนที่ถูกกล่าวหาว่ายึดสนามบินเคยไปด่าผู้นำกัมพูชา ทำให้เกิดความกินแหนงแคลงใจมาตั้งแต่ต้น "รัฐบาลจะดำเนินการอย่างนี้มันเหมาะสมไหม ควรทำหรือไม่ จะไล่ล่าคนคนเดียว เผาป่าเพื่อฆ่าหนู และยังลามไปประเทศเพื่อนบ้าน กำลังนำประเทศเข้าไปสุ่มเสี่ยง ขอร้องว่าอย่าทำดีกว่า รัฐบาลชุดนี้จะอยู่ได้นานอีกเท่าไหร่ก็ไม่รู้ เผลอๆอีกแป๊บเดียวก็ไป และไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกหรือไม่ ดังนั้น อย่าเอาประเทศไปเสี่ยงดีกว่า รัฐบาลควรที่จะอดทนอดกลั้นใช้แนวทางการเจรจา เป็นประเทศเพื่อนบ้านกันก็ต้องใช้วิธีพูดคุยและร่วมมือกันพัฒนา" นายนพดลกล่าว

ทบ.ย้ำสถานการณ์ชายแดนปกติ

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศเรียกตัวเอกอัครราชทูตไทยในประเทศกัมพูชากลับประเทศว่า การนำตัวเอกอัครราชทูตไทยในกัมพูชากลับมาเพื่อหารือนั้น ถือเป็นการแสดงท่าทีของรัฐบาล เป็นเรื่องระดับชาติ ส่วนกองทัพยังไม่ได้รับการสั่งการใดๆจากรัฐบาล ดังนั้นกองทัพยังปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนตามปกติการดำเนินการทุกอย่างมีขั้นตอนมีมาตรการต่างๆอยู่แล้ว ทั้งนี้ ทาง ผบ.กองกำลังระหว่างไทยกับกัมพูชาประสานงานกันตลอดเวลา และขณะนี้ความสัมพันธ์ทางทหารทั้ง 2 ประเทศยังพูดคุยกันได้ ส่วนผู้ช่วยทูตทหารไทยในกัมพูชายังคงปฏิบัติหน้าที่เหมือนเดิม ขณะนี้กองทัพไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆ เพราะต่างฝ่ายต่างยังปฏิบัติการรักษาอธิปไตยของตัวเองเหมือนเดิม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ยังไม่ได้สั่งการอะไร เพราะท่านบอกว่าขณะนี้รัฐบาลยังไม่ได้สั่งการอะไรลงมา ทางกองทัพจะปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ กองทัพไทยกับกัมพูชายังคงพูดคุยกันได้ตามปกติ การเรียกตัวเอกอัครราชทูตเป็นเรื่องของรัฐบาล เมื่อถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่าจะไม่มีการใช้กำลังทหารรบกัน พ.อ.สรรเสริญตอบว่า ขณะนี้สถานการณ์ตามแนวชายแดนยังปกติอยู่ กองทัพไม่มีความจำเป็นใดๆให้เกิดการเผชิญหน้าขึ้น

เขมรตอบโต้ทันควันเรียกทูตกลับ

ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 20.50 น. ตามเวลาไทย สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ทางรัฐบาลกัมพูชาได้ตัดสินใจ เรียกตัวนางยู ออย เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศ ไทยกลับเช่นกัน โดยนายโสก อาน รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ระบุว่า เพื่อตอบสนองท่าทีของไทย ทางกัมพูชาจะขอเรียกตัวทูตกลับไปก่อนชั่วขณะ แต่หากรัฐบาลไทยส่งทูตกลับไปประจำที่กรุงพนมเปญ ทางเราก็จะปฏิบัติเช่นเดียวกัน

แม่ค้าเขมรรีบปิดร้านกลับบ้าน

วันเดียวกัน ภายหลังรัฐบาลไทยเรียกทูตประจำกัมพูชากลับประเทศ ปรากฏว่าที่ตลาดโรงเกลือ บ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นตลาดการค้าชายแดนที่มีชาวกัมพูชาเข้ามาค้าขายมากที่สุดกว่า 5 พันร้านค้า บรรดาพ่อค้า แม่ค้าชาวเขมรต่างแตกตื่นวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง หลายรายกลัวจะมีการปิดด่านชายแดนอรัญประเทศ รีบพากันปิดร้านเดินทางกลับประเทศกัมพูชาเร็วกว่าปกติทุกวัน ทำให้บริเวณหน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศมีชาวเขมรเดินทางกลับประเทศก่อนปิดด่านถึง 3 ชม. ส่วนนักพนันชาวไทยที่เดินทางไปเสี่ยงโชคในบ่อนกาสิโนฝั่งปอยเปต พอทราบข่าวว่ารัฐบาลไทยเรียกทูตไทยในกัมพูชากลับประเทศเพื่อตอบโต้เขมรนั้นทำให้นักพนันบางรายรีบเดินทางกลับประเทศทันทีเช่นกัน เพราะเกรงว่าเหตุการณ์จะบานปลายเมื่อครั้งบุกเผาสถานทูตไทยในกัมพูชา เมื่อปี 2544

จับตาเฝ้าชายแดนอย่างใกล้ชิด

ส่วนด่านชายแดนอรัญประเทศ เจ้าหน้าที่ทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชายังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติไม่มีคำสั่งใดๆ จากผู้บังคับบัญชา อย่างไรก็ตาม นายศานิตย์ นาคสุขศรี ผวจ.สระแก้ว ได้สั่งให้นายอำเภอทุกพื้นที่ที่ติดชายแดนกัมพูชาให้เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ขณะที่ พ.อ.วสุ เจียมสุข ผบ.ฉก.กรม. ทพ.12 กกล.บูรพาได้สั่งให้ทหารพรานทุกกองร้อยเตรียมพร้อมอยู่ในที่ตั้ง และห้ามลาพักอย่างเด็ดขาด พร้อมให้เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเช่นกัน

เขาพระวิหารเตรียมรับสถานการณ์

ขณะที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ผู้บังคับบัญชาของทหารได้

มีคำสั่งถึงกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติอยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร ให้เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ และในช่วงเย็นวันเดียวกันผู้บังคับบัญชาได้จัดเลี้ยงอาหารแก่กำลังพลที่อยู่ดูแลชายแดนเขาพระวิหาร พร้อมนำดนตรีของหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 ไปแสดงให้ได้ชมอย่างสนุกสนานเพื่อเป็นการปลอบขวัญทหารกล้าที่ปฏิบัติหน้าที่เสี่ยงภัยอยู่ชายแดน ซึ่งการแสดงดนตรีได้หันลำโพงไปทางชายแดนกัมพูชาเพื่อให้ทหารเขมรได้รับฟังด้วย ส่วนจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ นายหัถชัย เพ็งแจ่ม ประธานชมรมผู้ประกอบการค้าการท่องเที่ยวช่องสะงำ กล่าวว่า ในระดับล่างยังเป็นปกติดีทุกอย่าง ทหารพรานที่ 2301 ฐานปฏิบัติการชนแดนยังมีการนั่งดื่มกาแฟเสวนากับทหารกัมพูชากันตามปกติ เพราะทหารทั้งสองฝ่ายในระดับพื้นที่ยังมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันเหมือนที่ผ่านมา



นักพนันไม่หวั่น-เชื่อไม่กระทบบ่อน



สำหรับจุดผ่อนปรนชายแดนไทย-กัมพูชา ช่องจอมกาบเชิง จ.สุรินทร์ ยังเปิดให้นักท่องเที่ยว พ่อค้า แม่ค้าไทย-กัมพูชาติดต่อค้าขายเข้าออกตามปกติ ในขณะที่นักพนันบางส่วนยังเข้าไปเสี่ยงโชคที่กาสิโนทั้ง 2

แห่ง ในฝั่งกัมพูชาใกล้จุดผ่านแดน บางส่วนเริ่มไม่มั่นใจในสถานการณ์ได้ทยอยออกจากกาสิโนเดินทางกลับฝั่งไทยและได้ยกเลิกการจองห้องพักที่ติดต่อไว้ แต่ยังมีนักพนันบางส่วนมั่นใจว่าไม่ส่งผลกระทบใดๆ ส่วนพ่อค้า แม่ค้าชาวกัมพูชาที่นำสินค้ามาขายในตลาดฝั่งไทย เริ่มไม่ไว้ใจในสถานการณ์รีบปิดร้านเร็วกว่าปกติแล้วรีบเดินทางกลับกัมพูชา ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารบริเวณจุดผ่อนปรนชายแดนไทย-กัมพูชายังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ไม่มีคำสั่งให้เพิ่มกำลังแต่อย่างใด



ภาคเอกชนหนุนตอบโต้เขมร



ด้านนายสมมาต ขุนเศษฐ รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ภาคเอกชนเห็นด้วยที่รัฐบาลมีมาตรการตอบโต้ทางการทูตกับประเทศกัมพูชา เพราะเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีของประเทศซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ทั่วโลกดำเนินการกันในลักษณะเช่นนี้ เบื้องต้นมาตรการตอบโต้ทางการทูตคงไม่มีผลกระทบต่อการค้าและการลงทุนมากนัก เพราะภาคเอกชนทั้งสองฝ่ายก็สามารถเจรจาด้านธุรกิจกันปกติ ทั้งนี้ภาคเอกชนกังวลมากคือหากเกิดความตึงเครียดมากถึงขึ้นการปิดชายแดน ก็จะส่งผลกระทบต่อการค้าการลงทุนอย่างหนัก ภาคเอกชนหวังว่าความตึงเครียดคงจะไม่เกิดถึงขั้นปิดชายแดน เบื้องต้นตนก็มีแนวคิดจะไปตั้งโรงงานผลิตรองเท้าในกัมพูชา แต่เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ตนคงยกเลิกแผนลงทุนแน่นอนแล้วนายทวีกิจ จตุรเจริญคุณ รองประธานสภาอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สายงานแรงงาน กล่าวว่า ภาคเอกชนยังงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งไม่รู้จะทำอย่างไร ตอนนี้ตนได้ลงทุนธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารในกัมพูชาอยู่ด้วย คาดว่ารัฐบาลคงจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็ว



โฆษกเขมรอัดไทยตื่นตูมเกินเหตุ



วันเดียวกัน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า หลังรัฐบาลไทยเรียกตัวเอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชากลับประเทศ และขู่จะทบทวนข้อตกลงและความร่วมมือต่างๆกับกัมพูชา นายเพ สีพาน โฆษกรัฐบาลกัมพูชากล่าวให้ความเห็นถึงเรื่องนี้ว่า ความเคลื่อนไหวของไทยเป็นการ "ตื่นตูมเกินเหตุ" ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของนักวิเคราะห์อิสระบางคนในประเทศไทย โดยนายโคทม อารียา ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า รัฐบาลไทยควรจะหลีกเลี่ยงไม่ให้เรื่องราวบานปลายไปมากกว่านี้ และคอยควบคุมความเสียหายจะดีกว่า พ.ต.ท.ทักษิณสร้างปัญหาให้รัฐบาลอยู่แล้ว เมื่อยิ่งเข้ามาใกล้บ้าน จะทำให้เขาสามารถติดต่อกับประชาชนผู้สนับสนุนมากขึ้น และทำให้การรณรงค์ ต่อสู้ทางการเมืองของเขาเข้มแข็งยิ่งขึ้น



ผู้นำทหารเขมรสั่งเตรียมพร้อม



ด้านสำนักข่าวเอเอฟพี รายงานเมื่อวันที่ 5 พ.ย.ว่าหลังเมื่อคืนวันพุธ 4 พ.ย. รัฐบาลกัมพูชาแถลงการณ์แต่งตั้ง พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจทั้งส่วนตัวนายกฯฮุน เซน และรัฐบาลกัมพูชา มีผลตั้งแต่ 27 ต.ค. จนรัฐบาลไทยต้องเรียกทูตไทยประจำกัมพูชากลับประเทศเพื่อตอบโต้นั้น ฝ่ายรัฐบาลกัมพูชายังไม่มีแถลงการณ์ใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ มีเพียงฝ่ายกองทัพที่ออกมาระบุว่าเตรียมพร้อมรับมือเหตุรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นตามพรมแดนโดยรอบปราสาทพระวิหาร ทั้งนี้ เจีย ดารา รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกัมพูชา เผยว่า สถานการณ์ ทั่วไปยังสงบ แต่พวกเราก็เตรียมพร้อม อีกทั้งนายกรัฐมนตรี (ฮุน เซน) ได้สั่งมาแล้วว่า ให้ปกป้องเขตแดนกัมพูชาจะไม่รุกล้ำเขตแดนไทย แต่ถ้าทหารไทยล้ำเส้นเข้ามาแม้แต่ เซนติเมตรเดียว พวกเขาจะถูกทำลาย



"เทือก" ลั่นปิดประตูเจรจาพูโล



วันเดียวกัน เมื่อเวลา 08.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวแกนนำกลุ่มพูโลประกาศพร้อมเจรจากับทางการไทย แต่ขอให้นายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซียมาเป็นคนกลางว่า "ผมไม่เคยสนใจที่จะเจรจาเลย" เมื่อถามว่า ยืนยันว่า จะไม่หันหน้าเข้าไปเจรจากับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ นายสุเทพตอบว่าไม่ได้สนใจ ไม่เห็นหรือว่าเขาล้มเหลวกันมากี่หนแล้ว ตนไม่อยากหน้าแตก เมื่อถามว่า เป็นเพราะมองว่ากลุ่มนี้ไม่มีศักยภาพอย่างแท้จริงหรือไม่ จึงไม่เจรจา นายสุเทพตอบว่า ตนไม่พูดท้าทายอะไร ไม่น่าสนใจ และไม่น่าจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่แท้จริง



ยันไม่มีออโตโนมีชายแดนใต้



วันเดียวกัน ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทน ราษฎร โดยมีการพิจารณากระทู้ถามสดของ นพ.แวมาฮาดี แวดาโอะ ส.ส.นราธิวาส พรรคเพื่อแผ่นดิน ที่ถามนายกรัฐมนตรีเรื่องการกระจายอำนาจบริหาร โดยการจัดตั้งนครปัตตานีว่า มีรายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์ของมาเลเซียว่า นายกรัฐมนตรีไทยตอบรับอย่างเปิดเผยกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ให้มีการปกครองในรูปแบบออโตโนมีในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ จึงอยากรู้ว่า นายกฯ ตอบรับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียในเรื่องดังกล่าวจริงหรือไม่ ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ช่วงที่นายกฯมาเลเซียเดินทางมาประชุมสุดยอดอาเซียนที่ อ.หัวหิน ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษในประเทศไทย โดยนายกฯมาเลเซียสนับสนุนแนวทางแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ เรื่องการพัฒนาสิทธิเสรีภาพของประชาชนในพื้นที่ และมีการใช้คำว่า ออโตโนมี ซึ่งมีความหมายแตกต่างในแต่ละคน ตนได้ย้ำแล้วว่าอย่าอิงคำว่า ออโตโนมี ที่หมายถึงเขตปกครองพิเศษ เพราะถือเป็นการคลาดเคลื่อนจากสิ่งที่ตนให้สัมภาษณ์ เนื่องจากการแก้ไขปัญหาภาคใต้นั้นเรายอมรับ ศอ.บต. อยู่แล้ว ซึ่งสัปดาห์หน้าจะมีโอกาสพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ที่ประเทศสิงคโปร์ คงได้มีการชี้แจงกัน สำหรับเรื่องนครปัตตานี ตามความข้อเสนอของ พล.อ.ชวลิต ถ้าบอกว่าเป็นเขตปกครองพิเศษก็ต้องระบุให้ชัดว่าจะเป็นรูปแบบใด แต่รูปแบบการปกครองจะต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ



ปชป.จวก "จิ๋ว" ต้มประชาชน



นายพีระยศ ราฮิมมูลา ส.ส.สัดส่วน และประธานคณะทำงานเฉพาะกิจชายแดนใต้พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เข้าใจว่าหมายความของ พล.อ.ชวลิต คือนครรัฐในอดีต เพราะในแหลมมลายูเมื่ออดีต มีนครรัฐมากมาย แต่หลัง จากปลายคริสต์วรรษที่ 19 มีการพัฒนาเป็นรัฐชาติ กำหนดขอบเขตแต่ละประเทศชัดเจน โดยเฉพาะไทยมีระบบการปกครองเป็นรัฐเดี่ยว ดังนั้น การแยกออกเป็นนครรัฐย่อมทำไม่ได้ เพราะประเทศไทยมีการแบ่งการปกครองออกเป็นพื้นที่จังหวัดอยู่แล้ว จึงเข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 1 และที่ผ่านมาก็มีผู้นำ หรือ ส.ส.ไปหาเสียง และใช้เป็นวาระหลอกต้มประชาชนในพื้นที่มาตลอด ตรงกับการสะท้อนปัญหาที่มีโต๊ะอิหม่าม ที่เป็นกรรมการอิสลามกลางจังหวัดปัตตานี ออกมาระบุว่า คนในพื้นที่ไม่ต้องการยาหอม แต่ต้องการยาบำรุง เพราะเขาชินแล้วกับคำสัญญา ต่างๆ แต่กลับไม่ทำอะไร เมื่อถามว่าการที่ พล.อ.ชวลิต เสนอนิรโทษกรรมผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเป็นไปได้หรือไม่ นายพีระยศตอบว่า ต้องดูว่าเป็นการรับลูกหรือรับใบสั่ง จากใคร เกรงว่าการเสนอนิรโทษกรรมอาจเสนอให้แก่ใครบางคนในต่างประเทศ



เผย "ทักษิณ" ไม่ค้านนครปัตตานี



วันเดียวกัน นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแนวคิดในการจัดตั้งนครปัตตานีของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทยว่า รูปแบบน่าจะคล้ายกับพัทยา และ กทม.ที่เป็นการกระจายอำนาจให้ประชาชน ไม่ใช่การแบ่งแยกดินแดน พล.อ.ชวลิตมีเจตนาดีและต้องการเสนอทางเลือก แต่วันนี้กลับถูกบิดเบือนจากรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากมองความคิดสร้างสรรค์ของผู้อื่นในแง่ร้าย อคติตลอดเวลา ทำให้บ้านเมืองเดินไปไม่ได้ ความปรองดองสมานฉันท์ไม่เกิด สำหรับแนวคิดนี้ พ.ต.ท.ทักษิณก็ไม่ได้คัดค้านอะไร ส่วนตัวท่านเห็นด้วยกับการกระจายอำนาจให้ประชาชนอยู่แล้ว สังเกตได้จากเมื่อครั้งที่เป็นรัฐบาลก็ทำโครงการหลายอย่างให้ประชาชนไปบริหารจัดการกันเอง เช่น กองทุนหมู่บ้าน เอสเอ็มแอล เพราะเชื่อว่าการบริหารท้องถิ่นนั้นให้ประชาชนทำเองดีกว่าที่จะให้ข้าราชการ เข้าไปกำหนด



ส.ว.แบะท่าขอถอนตัวแก้ รธน.



วันเดียวกัน เมื่อเวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา พ.ท.กมล ประจวบเหมาะ ส.ว.สรรหา ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการบังคับใช้รัฐธรรมนูญ 2550 วุฒิสภา แถลงผลการพิจารณาศึกษาการบังคับใช้รัฐธรรมนูญว่า ขณะนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ฝ่ายค้านได้ถอนตัวออกจากการศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงเหลือเพียงฝ่ายรัฐบาล และวุฒิสภา ทางคณะกรรมาธิการเสียงส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า วุฒิสภาไม่ควรเข้าไปมีส่วนร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ



นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว.สรรหา กล่าวว่า เมื่อฝ่ายค้านถอนตัวออกไป การแก้รัฐธรรมนูญที่อ้างว่านำไปสู่การสมานฉันท์จึงทำไม่ได้ คณะกรรมาธิการเสียงส่วนใหญ่จึงเห็นว่าไม่มีประโยชน์ที่จะเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญต่อไป และเห็นตรงกันว่าตัวแทนของวุฒิสภา 2 คนที่ไปร่วมดำเนินการกับรัฐบาลไม่ใช่ตัวแทนของ ส.ว.ทั้งหมด จึงไม่สมควรอ้างเป็นตัวแทนของวิปวุฒิอีก คณะกรรมาธิการจะทำหนังสือถึงประธานวุฒิสภา เพื่อให้วุฒิสภาถอนตัวจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าว หากรัฐบาลเห็นควรให้แก้ไขต่อไปก็ให้ทำในนามรัฐบาลฝ่ายเดียว



ประธานวิปฟุ้งไร้ปัญหาแก้ รธน.



นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานผู้ประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณี ส.ว.บางส่วนเสนอเรื่องต่อประธานวุฒิให้วิปวุฒิสภาถอนตัวจากการยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า เรื่องดังกล่าวยังไม่ได้มีการรายงานมายังตนอย่างเป็นทางการ ส่วนความคืบหน้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่จะทำการยกร่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 6 ประเด็น โดยจะแล้วเสร็จในวันที่ 12 พ.ย. และวิป 3 ฝ่ายก็จะได้ทำการพิจารณาร่วมกันต่อไป แต่ทั้งนี้ซึ่งส่วนตัวยังคงมั่นใจว่าการดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะสามารถเดินหน้าต่อไปได้ตามกระบวนการทางการเมือง นอกจากนี้ อยากขอความร่วมมือทุกฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายค้าน และแกนนำ นปช.ให้เข้าร่วมกระบวนการตามวิถีทางแห่งประชาธิปไตยด้วย เพื่อร่วมกันหาทางออกให้บ้านเมือง



สลค.ปัดตั้งเรื่องถอดยศ "ทักษิณ"



วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมชาย พฤฒิกัลป์ ผอ.สำนักอาลักษณ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ สำนักเลขา-ธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) กล่าวถึงขั้นตอนการถอดยศและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า เมื่อ สลค.ได้รับเรื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จะทำหนังสือเรียนนายกฯภายใน 3 วัน พร้อมทำหนังสือถึงสำนักราชเลขาธิการในกรณีที่นายกฯเห็นชอบแล้ว จะได้ส่งเรื่องให้สำนักราชเลขาธิการนำความขึ้นกราบบังคมทูลได้เลย ซึ่งกรณีการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นไปตามขั้นตอนปกติ ไม่ได้ไปเร่งอะไร ซึ่งขณะนี้ สลค.ยังไม่ได้รับเรื่องจาก สตช.เลย ดังนั้น จึงยังไม่มีการตั้งเรื่องรออะไรทั้งสิ้น ทั้งนี้เมื่อ สตช.ส่งเรื่องมาถึง สลค.ก็จะพิจารณาเหตุผลและข้อกฎหมาย ถ้าดำเนินการอย่างถูกต้องก็เสนอเรื่องเรียนนายกฯ แต่จะไม่มีการพิจารณาข้อเท็จจริงแล้ว เพราะ สตช.ได้กลั่นกรองข้อเท็จจริงมาอย่างดีแล้ว โดยตั้งแต่เดือน ม.ค.52 มีการถอดยศและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร ผู้พิพากษาประมาณ 20 ราย และกระบวนการทั้งหมดไม่ใช่อำนาจของ สลค. หรือ สตช. เพราะการเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์เป็นพระราชอำนาจ สลค. เพียงแต่ถวายความเห็นประกอบพระบรมราชวินิจฉัย เมื่อทรงมีพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์และถอดยศ สลค.จะนำเรื่องประกาศลงราชกิจจานุเบกษา ถือว่าเสร็จสิ้นกระบวนการ



"ปทีป" อ้างรอผลสรุปถอดยศทักษิณ



วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีคำสั่งของสำนักงานกฤษฎีกาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ตอนนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ส่งเรื่องเข้ามาที่สำนักงานกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นขั้นตอนปกติในการปฏิบัติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการสรุปเรื่องเสนอเข้าสำนักนายกรัฐมนตรีได้เมื่อไร พล.ต.อ.ปทีปตอบว่า เป็นหน้าที่ของสำนักงานกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้สรุปรายละเอียดเสนอขึ้นมา แต่ขณะนี้ไม่ได้รับรายงานขึ้นมา



บี้ "โสภณ" แจงซื้อรถเข็นสุวรรณภูมิ



วันเดียวกัน ที่พรรคเพื่อไทย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. และประธานคณะทำงานสำนักงานปราบโกง (สปก 401) ของพรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงข่าว โดย น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวว่า ความคืบหน้าในการตรวจสอบโครงการจัดซื้อจัดจ้างบริการรถเข็นในสนามบินสุวรรณภูมิ มูลค่า 600 ล้านบาท นอกจากพบว่าส่อไม่โปร่งใสที่จัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษ เอื้อผลประโยชน์ให้คนบางกลุ่มแล้ว ยังพบว่าคุณภาพรถเข็นต่ำกว่ามาตรฐานความปลอดภัย ไม่มีแผงกั้นกระเป๋าหล่นด้านหน้า ตัวรถเข็นผลิตจากประเทศจีน ทั้งที่ทางท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) ต้องการคุณภาพระดับประเทศเยอรมนี และยังยอมจ่ายแพงที่เกินจริง รถเข็น 1 ตัว สามารถซื้อรถ มอเตอร์ไซค์คันละ 3 หมื่นบาทได้ 2 คัน ดังนั้นขอให้นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม อย่าเป็นเตมีย์ใบ้ ขอให้ชี้แจงว่ากระบวนการจัดซื้อโปร่งใสจริงหรือไม่ หากนิ่งเฉย ในวันที่ 9 พ.ย.จะไปยื่น ป.ป.ช. ดีเอสไอ และ สตง.ตรวจสอบต่อไป



ปชป.จี้ "อภิสิทธิ์" ปรับ ครม.



นายพิเชษฐ์ พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์การเมืองไม่ดี ซึ่งในช่วงปลายปี และต้นปีหน้ารัฐบาลจะเจอกับปัญหามากมาย หากจะใช้วิธีปรับ ครม.เพื่อต่อลมหายใจนั้นจะต้องปรับใหญ่และต้องกล้าทำ แม้ว่าปรับใหญ่แล้วจะต่อลมหายใจได้อีกไม่นานก็ตาม โดยต้องปรับภาพ ครม.ใหม่ทั้งหมดยกแผง เพื่อให้ประชาชนที่เห็นหน้าตา ครม.ใหม่มีความหวัง โดยยึด ครม.สมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 ซึ่งหากนับตัว ครม.ชวนกับ ครม.อภิสิทธิ์ในวันนี้ต่างกันแค่ไหน



"ถ้าเป็นผมจะปรับใหญ่ แม้ว่าเสียงจะก้ำกึ่งแค่ไหนช่างมัน ปรับคนที่มีปัญหาออกให้หมด ตัดเนื้อร้ายออกไปแล้วสู้ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ฝ่ายค้านยื่นแน่ในช่วงต้นปี 2553 เมื่อถึงวันนั้นเราก็ระดมคนในพรรคทุกคนสู้ตายในสภาฯ ทำงานเต็มที่เพื่อชนะใจประชาชนให้ได้ว่าเราสู้ แม้ว่าจะมีเสียงอยู่แค่นี้ สู้ให้ประชาชนเห็นใจแล้วเราจะฟื้นศรัทธาจำนวนหนึ่งได้ เมื่อนั้นโอกาสในการเลือกตั้งจะดีขึ้น แต่ถ้าหากปล่อยให้เป็นไปอยู่อย่างนี้ไม่มีทางสู้เลย เป็นฝ่ายค้านอีกยาว นายกฯต้องปรับ ครม.ให้หมดทุกพรรค ปรับภาพใหม่ รวบรวมคนที่มีศักยภาพออกมา" นายพิเชษฐ์กล่าว



วิปรัฐขู่ประจานชื่อ ส.ส.โดดร่ม



วันเดียวกัน เมื่อเวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงปัญหาขาดองค์ ประชุมในการประชุมสภาผู้แทนราษฎว่า วิปรัฐบาลได้ วิเคราะห์เรื่องดังกล่าวแล้ว ยอมรับว่าลำบากใจพอสมควร เพราะฝ่ายค้านไม่เคยแสดงตนเพื่อร่วมประชุม จึงเรียกร้องเพื่อนสมาชิกสภาให้มีความรับผิดชอบต่อสภาร่วมกัน เพื่อให้องค์ประชุมไม่มีปัญหา ยอมรับมี ส.ส.บางส่วนโดดประชุม ทำให้มีองค์ประชุมน้อย แต่จะแก้ไขด้วยการใช้มาตรการประจานชื่อ ส.ส.เหล่านี้ด้วยการเปิดเผยรายชื่อผู้ที่ไม่เข้าร่วมประชุม เพื่อให้สังคมรับทราบ ทั้งนี้ได้ประสานไปยังนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้ประสานไปยังแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลให้เข้าร่วมประชุม โดยเฉพาะการประชุมร่วมรัฐสภาระหว่างวันที่ 10-13 พ.ย. เพื่อพิจารณากรอบการเจรจาต่างๆกับประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากจะต้องใช้เสียงสมาชิก 312 เสียง ขณะที่รัฐบาลมีเพียง 273 เสียง จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งฝ่ายค้าน รัฐบาล และวุฒิสภา



คลังจับมือ มท.แก้หนี้นอกระบบ



วันเดียวกัน เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กระทรวงมหาดไทย นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ได้ประชุมร่วมกับนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง เพื่อแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ภายหลังการประชุม นายกรณ์กล่าวว่า กระทรวงการคลังได้ประสานกับธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อเปิดวงเงินให้ประชาชนที่เป็นหนี้นอกระบบกู้เงินไปชำระและผ่อนจ่ายคืนให้ธนาคาร เบื้องต้นกำหนดไว้สำหรับประชาชนที่มีหนี้ไม่เกิน 2 แสนบาท คาดว่าจะมีผู้มาลงทะเบียนเพื่อแก้ปัญหาหนี้นอกระบบประมาณ 1 ล้านคน นอกจากนี้ จะมีการตั้งคณะกรรมการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งจะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนกับธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ตั้งแต่วันที่ 1-31 ธ.ค. จากนั้นจะมีการพิจารณากลั่นกรอง ใช้เวลา 15 วัน ส่วนการเจรจาระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้ขอให้กระทรวงมหาดไทย โดย ผวจ. และนายอำเภอรับเป็นเจ้าภาพ





"โสภณ" เดินหน้าปฏิรูปรถไฟ



วันเดียวกัน ที่กระทรวงคมนาคม เมื่อเวลา 18.00 น. นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามแนวทางการปฏิรูปการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ว่า ได้มอบนโยบายให้ รฟท.เชิญบุคคลจากภายนอกเข้าร่วมเป็นกรรมการในคณะทำงาน ดูแลด้านการพัฒนาทรัพย์สิน เพื่อความโปร่งใส



ด้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม และกรรมการ รฟท. กล่าวว่า แนวทางการพัฒนาทรัพย์สินของ รฟท.จะต้องแบ่งประเภทที่ดินที่มีศักยภาพในการพัฒนาทั่วประเทศ จำนวน 8,000 ไร่ จากที่ดินที่สามารถพัฒนาเชิงพาณิชย์ได้ 3.6 หมื่นไร่ มาประเมินมูลค่าว่าจะมีรายได้จากการพัฒนาที่ดินเท่าใด โดยจะจ้างที่ปรึกษามาเป็นผู้ประเมิน



"สำหรับที่ดินที่มีศักยภาพจะอยู่ที่กรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ เช่น หัวหิน เชียงใหม่ ขอนแก่น โดยพื้นที่ที่มีศักยภาพในกรุงเทพฯ เช่น มักกะสัน สถานีแม่น้ำ หัวลำโพง บางซื่อ โดยตั้งเป้ารายได้จากการพัฒนาที่ดินทั้ง 4 แปลง ไม่ต่ำกว่า 2,700 ล้านบาท เพราะจะนำรายได้ดังกล่าวมาแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายบำนาญของ รฟท. รวมทั้งช่วยเพิ่มรายได้จากการพัฒนาทรัพย์สินจากเดิมที่มีรายได้ปีละ 1,500 ล้านบาท

Bookmark and Share

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น